มาปิดท้ายปีด้วยเรื่องที่เป็นไฮไลท์สำคัญของเราในปีนี้กันดีกว่า เราจะมาเล่าประสบการณ์แบบจัดเต็มกับการไป U.S. Work and Travel 2016!
ไม่รอช้า มาลุยกันเลย!
ขั้นแรกก็คือการเลือกเอเจนซี่ อย่างที่บอกไป เราไปกับ Higher Education (ตามอ่านการรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่) มันมีหลายงานมากๆให้เลือก แต่ต้องบอกว่าเป้าหมายตอนนั้นคืออยากได้เงินเยอะๆ เพื่อที่จะได้เอาไว้ช้อปเยอะๆเที่ยวเยอะๆ ก็เลยมองงานที่เงินดีๆ แล้วก็น่าจะหาจ๊อบ 2 ได้ แต่ด้วยความที่เราก็มองหางานค่อนข้างช้าแล้ว งานก็เลยเหลือไม่เยอะเท่าไหร่
ผลสรุปเราก็เลยได้เลือกงาน supermarket ของ Winn Dixie ที่ตอนนั้นเค้าเขียนไว้ว่าเรต $10-11/hr จำราคาที่พักไม่ได้แต่ตอนนั้นเราใช้วิธีนั่งคำนวนว่าหากทำงาน at least 32 hr/wk เราจะได้เงินเท่าไหร่ แล้วก็เอามาหักลบกับค่าที่พัก กลายเป็นว่างานนี้คือได้เงินเยอะที่สุด แถมตอนนั้นมันเป็นโลเคชั่นเมืองท่องเที่ยวใน Florida ด้วย ก็คงหาจ๊อบ 2 ได้ไม่ยาก ก็ทำการจองงานเลย เงินดี ไม่คิดมาก 5555
จัดการจองงานไปเรียบร้อยจนถึงวันสัมภาษณ์ เราไปไม่ได้ ก็เลยโทรไปแจ้ง ได้สัมภาษณ์ออนไลน์แทน แต่จะโดนย้ายสาขาไปลง North Carolina เราก็เออ โอเค ก็ได้ ถ้าเรตเดิมยังไงก็เอา หลังจากพ้นการสัมภาษณ์แล้วได้การตอบรับ จู่ๆงานมันโดนเปลี่ยนสถานที่ไป Edisto Island, South Carolina เฉย อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า
ตอนนั้นก็เลยโทรไปถาม แต่ก็ได้ผลมาว่าเงินเรตขึ้นไปอีกนะ โอ้ว ไม่บ่นแล้วค่ะ โดนย้ายก็ย้าย กันดารแค่ไหนก็ยอม จ๊อบ 2 หาได้ไม่ได้ค่อยคิด จากตกลงไว้ราวๆ $10-11/hr นี่ไป $11.75/hr เลยค่ะคุณ กรี้ด ฉันจะรวย!!
ผ่านพ้นการปฐมนิเทศน์ จ่ายเงินค่าโครงการ และสัมภาษณ์วีซ่าไปจนครบ ถึงคราที่พี่เค้าส่งอีเมลอันสุดท้ายมาสรุปให้ พร้อมเอกสาร job offer อัน final กับอื่นๆ พอได้มานั่งอ่านดูอย่างละเอียดก็งงอีก ไม่ใช่งานที่ Winn Dixie แล้วว่ะ มันกลายเป็น Bi-Lo แทนแต่ก็ยังเป็นเครือเดียวกัน เหมือนว่า Winn Dixie จะอยู่ใน Florida สะมากกว่า ในขณะที่ส่วนอื่นๆใน East coast จะเป็น Bi-Lo
แต่จุดนั้นก็คือได้วีซ่าแล้วไง เอกสารพร้อม ตั๋วบินพร้อม ชุดเตรียมไปทำงาน(กางเกงดำกับรองเท้าสีดำ)ก็พร้อม ความสงสัยที่มีก็เลยได้แต่เก็บไว้แล้วไปลุยเอาดาบหน้าเลย ก็ไปค่ะ ถึงวันที่บิน แล้วก็ถึงไปเจอคนอื่นๆที่ทำสาขาเดียวกัน
ผ่านพ้น process ต่างๆในการเลือกงาน เมื่อถึงวันทำงานจริง เรากับเพื่อนๆน้องๆบางส่วนก็ไปตามหาเมเนเจอร์ที่ร้าน (เดินจากบ้านไป 15 นาที) แล้วเค้าก็เอา position มาให้ บอกว่าไปเลือกแบ่งกันเอาเอง ว่าใครอยากทำอะไร แล้วเขียนชื่อมาให้เค้า พอเค้าทำงานจะได้พาไปหา manager ตามแผนกนั้นๆเอง ซึ่งในตอนแรกเค้าเขียนมาให้พวกเรามีตำแหน่งตามนี้:
– Meat ดูแลในส่วนของตู้แช่เนื้อต่างๆ
– Produce ดูแลโซนผักผลไม้ ทั้งตู้แช่และชั้นวางของแห้ง
– Dairy วัตถุดิบนม เนย ชีสต่างๆ
– Deli โซนเบเกอรี่กับครัวที่มีการอบขนมและอาหารสดใหม่(หรอ)ทุกวัน
– Bagging พนง.เอาของใส่ถุงตรงแคชเชียร์นั่นแหละจ้า
ตอนหลังพอคนเกินตำแหน่งที่มีเลยมีการแบ่งไปลงตำแหน่ง Grocery ด้วย ซึ่งมีหน้าที่จัดและเติมของบนหิ้งสินค้ากับตู้แช่แข็งที่เหลือ(ทั้งหมด)ในซูเปอร์ฯ
ที่สาขาของพวกเราเค้าจะไม่ให้พวกเราได้ทำตำแหน่ง Cashier เพราะมีเด็ก local มารับทำช่วงซัมเมอร์เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งตำแหน่งก็ค่อนข้างเต็ม แล้วก็คิดว่าเค้าคงห่วงเรื่องพวกเรามานั่งนับเงินที่ไม่คุ้นอ่ะมั้ง แถมเวลาคนเยอะก็เยอะมากจริงๆ ร้านเล็กนิดเดียวแถวก็เล่นยาวไปจนจะครบหนึ่งรอบร้าน ให้มายืนสอนกันก็คงไม่ทันซื้อขายกันพอดี
ส่วนยูนิฟอร์ม เอาจริงๆไปถึงแล้วเงิบมาก ทุกคนใส่กางเกงสีกากีจ้ะ งงไปเลย แล้วทำไมบอกให้พวกฉันเอากางเกงสีดำไปล่ะะะะ แต่โชคดีด้วยความเป็นสาขาที่เล็กมากๆ เค้าก็เลยไม่เคร่ง ยอมให้พวกเราใส่กางเกงสีดำไป จะได้เป็นการตราหน้าสะอีกด้วยว่าเราเป็นพวกเด็ก J-1 ที่มาทำงานจากประเทศไทยนะ รู้ทั้งพนง.รู้ทั้งลูกค้าเลยจ้า 55555
ตัวเราในตอนนั้นเลือกที่จะไปทำ Produce เพราะคิดว่าน่าจะสบาย ไม่น่าจะต้องทำอะไรเยอะแยะ แต่ผิดคาด… เป็นแผนกที่แบกของหนักมากแถมลังต่างๆยังกองสูงเหยียดเพดานห้องแช่เย็นอีกด้วย ซึ่งแผนกเราหลักๆก็จะอยู่ห้องแช่นั่นแหละ ต้องใส่แจ็กเก็ตไปทำงานตลอด อุณภูมิอยู่ช่วง 40-50 F หรือประมาน 4-10 องศา เย็นยะเยือกจนต้องอาศัยการเดินเล่นในซูเปอร์บ่อยๆหรือเดินหลบออกจากห้องแช่เพื่อความอบอุ่น
หน้าที่หลักๆของเราก็คือการเติมของนั่นแหละ ทั้งตู้แช่เย็นกับชั้นวางของแห้ง ไม่มีอะไรมาก ยกเว้นแต่ตอนยกลังเอาของมาเติมเนี่ยแหละ ใช้พลังงานกันสุดๆ แบกตั้งแต่ของเบาๆหนักเพียง 1 กก. ไปจนถึงของหนักมากๆแบบลังกะหล่ำปลีหนักประมาน 10-15 กก. หรือถุงหัวหอมใหญ่กับลังมันฝรั่งที่หนักประมาน 20 กก.หรือมากกว่า คือเหมือนยกเวทอยู่ตลอดเวลา จบการทำงานมานี่กล้ามสวยงามมาก 55555
นอกจากเติมผักผลไม้นานาชนิดแล้ว ก็ยังมีพวกกระปุกเครื่องเทศต่างๆ สลัด แล้วก็พวกของสำเร็จรูปต่างๆที่จัดอยู่ในหมวดของผักกับผลไม้อีกด้วย การมาทำแผนกนี้มันทำให้เราได้เรียนรู้ชื่อผักกับผลไม้เยอะแยะเลย คือนอกจากที่รู้อยู่แล้วกับที่รู้แต่ภาษาไทย ก็ได้มารู้เพิ่มเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็ว่ามันหน้าตาเป็นยังไง คือบางอย่างเคยได้ยินแต่ชื่อไง ไม่เคยเห็นว่ามันหน้าตาเป็นไง เช่นผักชี ปกติจะจำเป็น Coriander แต่ที่นั่นใช้ Cilantro คือเคยได้ยินคำนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันก็แปลว่าผักชีเหมือนกัน แล้วก็จะมีหอมแดง ก็เพิ่งรู้ว่ามันก็คือ Shallot รู้จักทั้งสองชื่อ แต่ไม่เคยแปลถูกเลยว่าคืออะไร 5555555
ตำแหน่งเราก็ไม่ได้มีแค่นั้นหรอกนะ มีหันผลไม้อีกด้วย เอาใส่ bowl ใสแล้วก็แพคขายแยก ประมานหั่นเสร็จเรียบร้อยซื้อกินได้เลยน่ะ ไม่ต้องมาเสียเวลาหั่นเอง ซึ่งก็ดีนะ พวกเรามีความแอบกินพวกเศษที่เค้าไม่แพ็คขายตลอดเวลา จริงๆเค้าห้ามนะ เป็นกฏ แต่เค้าไม่เข้ม แล้วเมเนเจอร์ก็เป็นคนแนะด้วย หนูมะผิด 55555
ที่เหลือก็จิปาถะแบบถูพื้นห้องแช่ทุกวันก่อนกลับ (ใครกะสุดท้ายของวันนั้นต้องทำ) จดอุณภูมิของห้องแช่วันละสามเวลา ปัดกวาดพื้นตรงแผนกบ้าง ปัดฝุ่นเช็ดหิ้งวางของบ้าง วันไหน truck เอาของมาลงก็ไปช่วยกันแบกเข็นเอาของมาเรียงมาเก็บในห้องแช่ (ซึ่งปกติจะมาลงพวกกะเช้า อาทิตย์ละ 3 วัน)
ในแผนกของเราจะมีคนอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 คน มีเมเนเจอร์แผนกผู้ชายอายุ 25 ที่ชื่อ Kavon เพื่อนร่วมงานผู้หญิงสูงวัย (รุ่นยาย) ชื่อ Joy เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องผู้ชายที่ชื่อ Kyle แล้วก็ เรา กวางดาว กับเดมี่ ส่วนมากคนในแผนกนี้จะมากะเช้า 7 am – 3 pm เพื่อจัดการ truck ที่มาลง order สินค้าในรอบถัดไป แล้วก็เช็คว่าอะไรขาดต้องเติม บลาๆ แล้วจะทิ้งคำสั่งไว้ให้เรากับเดมี่ที่มาในกะภายหลังของวัน ซึ่งกวางดาวมักจะโดนเข้าร่วมกะเช้านี้ ก็เลยจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเบื่อกับการทำงานเท่าไหร่ มีเพื่อนร่วมงานอยู่เยอะ ยิ่ง Kavon กับ Kyle เป็นคู่หูคู่ฮาแล้วนั้น อยู่กันไปได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ
เดมี่มักจะโดนกะกึ่งกลาง ซึ่งก็คือ 10 am – 6 pm ส่วนเรามักจะโดนกะรอบดึก 1 – 9 pm (ขัดห้องก่อนกลับนี่หน้าที่ประจำฉันเลยยยย) ของเดมี่ด้วยความเป็นกะคาบ ก็จะเจอคนทั้งแผนกพร้อมกันอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นคนที่ไม่ค่อยต้องอยู่แบบเหงาๆเท่าไหร่ แต่เรานี่สิ พอบ่าย 3 ทุกคนยกเว้นเดมี่ก็กลับบ้านแล้ว พอ 6 โมงเดมี่ก็กลับ จนถึงสามทุ่มเราก็เหงาอยู่คนเดียวที่แผนกทุกวัน ยังดีที่พอมีคนอื่นแผนกอื่นทำกะดึกกับเรา ก็ไปลั้ลลาอยู่กับเค้าบ้างอะไรบ้าง
คือกะพวกเราจะได้มารายอาทิตย์ เริ่มต้นวันพฤหัส ได้ตารางใหม่ประมานวันอังคาร (ก็ไม่มีการรู้ล่วงหน้าเท่าไหร่) มันก็มีสลับกันบ้างอะไรบ้าง แต่ส่วนมากจะได้กะเดิมๆ เพราะ Kavon บอกว่ากวางดาวดูชอบกะเช้า แล้วก็จะกระตือรือร้นกว่าคนอื่นหน่อย เดมี่ดูโอเคกับกะกลาง บวกกับเดมี่ตัวเล็ก เลยเอาไว้ในช่วงเวลาที่มีคนช่วยดีกว่า แบกลังหนักๆหรืออยู่สูงๆอะไรงี้บางทีเดมี่ก็ไม่ไหว ส่วนเราก็อยู่ได้กับกะดึกส่วนใหญ่ เพราะเค้าเคยเห็นเวลาเราได้กะเช้าคือเราจะสภาพง่วงมากกกกก ก็เลยไม่ค่อยจับเรามาทรมานเท่าไหร่ เลยตื่นสายทุกวันสิจ้ะจะรออะไร 55555555 บวกกับเราเป็นมนุษย์ผู้พลังเหลือล้น แบกทุกอย่างได้เอง จัดห้องเองได้ ของสูงแค่ไหนฉันก็ปีนไปเอามันลงมาได้ พลาดอย่างมากก็แค่เนื้อหลุดเอ๊ง (เจ็บมาก) เค้าก็เลยไว้ใจให้อยู่คนเดียว เอิ้กๆ
ในส่วนถ้าวันไหนไม่ค่อยมีงานทำ(จริงๆ)ก็จะโดนเรียก(หรือเสนอหน้า)ไปช่วยแผนกอื่นบ้าง ซึ่งมักจะเป็นพวก Dairy กับ Grocery ที่ไปช่วย เพราะเวลาต้องเติมของคือก็ค่อนข้างเยอะมาก แล้วบท ของจะหมดก็หมดเร็วมาก เติมเต็มทีนึงหันไปเติมอีกอย่างกลับมาก็หมดแล้ว เช่นพวกนมกับขวดน้ำเปล่าแบบแพ็คใหญ่ นอกจากนั้นก็จะมี Bagging ด้วยที่มักจะโดนเรียกให้ไปช่วยบ่อยๆ แต่เราไม่อยากทำ ก็เลยหลีกเลี่ยงมันตลอด โยนให้คนอื่นไปทำ แต่จนถึงช่วงท้ายๆของงานมันเลี่ยงไม่รอดแล้วก็เลยต้องจำใจทำ 5555
นั่นแหละ เราก็ทำซ้ำๆแบบนั้นทุกวัน ถามว่าเบื่อมั้ย ก็เบื่อบ้าง (และเหงา) แต่เวลาต้องเติมของเยอะๆก็สนุกดี แม้ว่าพอหมดวันจะเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรแล้วก็เหอะ บางทีวันที่ลูกค้าเยอะมากๆแล้วต้องเติมของไม่ได้หยุดนี่แบบ พอเลิกงานเราจะถึงขั้นตัวร้อน เหมือนไข้ขึ้น เพราะเหนื่อยโคตรรรร แต่ก็นะ เหนื่อยก็ดีกว่าน่าเบื่อไม่มีอะไรทำไปวันๆ เพราะอยู่วันละตั้ง 8 ชั่วโมงแหนะ
แต่เอาจริงๆเราว่างานเราสบายมากกกกกกเทียบกับงานอื่นๆที่อื่นๆ คืองานสบาย ไม่ค่อยปวดหัว ปัญหาน้อย ไม่ค่อยเข้มงวด (เพราะลูกค้าเยอะเกินกว่าเมเนฯจะมาไล่จิก) สนิทกับเพื่อนร่วมงานดี (อาจไม่ทุกคนแต่ก็โอเค) ทุกคนน่ารัก เงินก็ดี เป็นความโชคดีกี่ต่อแล้วก็ไม่รู้ของเราในการมาเวิร์คครั้งนี้ เพราะเราได้ยินมาว่างานเดียวกันสาขาอื่นเค้ามีปัญหา แล้วก็ไม่ได้อยู่สบายแบบพวกเราด้วย (ที่พักไม่โอเคบ้าง โดนเทบ้าง โดนย้ายงานบ้าง บลาๆ) ถ้าใครอยากไปงาน Bi-Lo เราก็แนะนำสาขานี้นะถ้าเลือกได้ (เพราะพวกเราทุกคนไม่ได้เลือกสาขานี้เลย มันหลงแบบโดนย้ายมา 555)
อ่อมีอีกเรื่องที่ต้องพูดเกี่ยวกับสาขานี้ คือเพื่อนร่วมงาน
อย่างที่เห็นในรูปเราคือเมเนฯกับเพื่อนร่วมงานเราอีกคนเป็นคนผิวดำ จริงๆ 99% ของคนทำงานที่สาขานี้เป็นคนผิวดำ เพราะที่ Edisto Island คน local ส่วนมากจะเป็นผิวสี (ผิวดำ) ซึ่งคืออย่างเราที่ไปอยู่ชุมชนคนผิวดำมาตลอดที่เราไปเมกา แล้วก็มีเพื่อนสนิทเป็นคนผิวดำอีก เราก็เลยไม่รู้สึก intimidated เท่าไหร่ ไม่ได้กลัวอะไร แต่น้องบางคนตอนแรกก็ชะงักไปเหมือนกัน มีปัญหาบ้าง (ส่วนมากกับมนุษย์ป้า) แต่โดยรวมจริงๆทุกคนก็น่ารักมากนะ ไม่มี discrimination ด้วย แบบไม่เหยียดสีผิวหรืออะไรแบบนี้เลย สนิทกันด้วยซ้ำ แถมเมเนเจอร์ของสาขาเองทั้งหมดก็เป็นคนผิวขาว มันเป็นการผสมผสานที่ยังไงก็ต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ขอแค่เปิดใจก็พอ
โอเค ทีนี้มาพูดถึงเงินกันดีกว่า เรื่องนี้ก็สำคัญไม่แพ้สิ่งใด 555
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าเราได้ $11.75/hr ในช่วงแรกๆจะทำงานจำนวนเต็ม 40hr/wk แต่จริงๆก็ทำไม่ถึง เพราะเค้าจะหักชั่วโมงกินข้าวเราออก เวลาเราไปกดกินข้าววันละ 30 นาที ก็จะได้ 7.5hr/day ก็กลายเป็น 38hr/wk แต่ก็ไม่กดก็ได้นะ แบบไม่กินข้าวไรงี้ หรือถ้าออกงานช้าก็จะได้บวกเวลาทบๆไป แล้วก็มีวันหยุดอาทิตย์ละ 2 วัน
แต่เรื่องของเรื่อง เพราะเรตเงินดีขนาดนี้ เค้าเลยไม่ค่อยยอมให้พวกเราทำ Over Time กัน จริงๆต้องบอกว่าไม่ให้ทำเลยดีกว่า ถ้าเลิกงานก็คือเลิก ให้กลับเลย ถ้ากลับแต่ลืมกดออกเค้าก็จะมาปรับแก้ในระบบเราเองให้ออกตามเวลาที่ควรออก จริงๆก็พอเข้าใจหรอก base rate ยังตั้ง $11.75 พอ OT นี่ $16.75 เลยทีเดียวจ้า ถ้าได้ทำก็รวยไม่ลืมหูลืมตาล้าว แต่ก็มีบ้างนานๆทีที่กะดึกจะได้ OT เพราะมี truck ของแช่แข็งมาลงแล้วขาดคน หรือลูกค้ายังเยอะอยู่ ก็ให้ bagger ทำต่อ (พวกทำ bagger เป็นกลุ่มคนที่ได้ OT บ่อยที่สุดละ)
ที่สำคัญ บ้านพักของเราเป็นการจ่ายเต็มจำนวนล่วงหน้า (ตกคนละประมาน 40,000-50,000 บาท) เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่ต้องคืนเงินพ่อแม่ เงินที่ทำมาได้คือกำไรล้วนอ่ะ ไม่โดนหักอะไรทั้งสิ้น ทำเงินกันได้ราวๆ $370-$400 กว่าๆต่ออาทิตย์ ตีเป็นเงินไทยก็ราวๆ 13,000-14,000 บาท แล้วเงินพวกเราก็เป็น direct debit เข้าบัตร ATM ทุกอาทิตย์ คือไม่มี paycheck ที่ต้องมาขึ้นเงินเองอะไรทั้งสิ้น มันเข้าบัตรเลยอัตโนมัติทุกวีค ไม่ต้องมารอทุกๆสองอาทิตย์อย่างที่หลายๆงานเป็น มีเงินใช้หมุนเวียนไม่มีขาดมือเลยจริงๆ
เราก็ทำงานเต็ม 40 ชมบ้าง ไม่ถึงบ้าง วนสลับไปแบบนั้นอยู่ประมาน 7 อาทิตย์ จน 3 อาทิตย์สุดท้ายพวกเราโดนตัดชั่วโมงงานลง เพราะเริ่มหมดช่วงซัมเมอร์ ลูกค้าเริ่มน้อยลง จำนวนคนที่เข้ามาทำงานก็เลยต้องการน้อยลง แถมพวกเราคนเยอะด้วย ก็เลยโดนตัดทอนกันไปอย่างบ้าระห่ำ มีตั้งแต่ 20 ชั่วโมงจนลงไปถึง 8 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ (เงินก็ลดทอนลงไปตามชั่วโมง) แต่บางคนอย่าง bagger ก็จะยังได้ราวๆ 30 ชั่วโมงอยู่เพราะเค้าขาดคน (ใครอยากรวยก็ให้ทำ bagger เลยบ่องตง)
รวมๆเราก็ทำเงินมาได้ประมาน $3700 หรือ 130,000 บาท ใน 10 อาทิตย์ (โครงการกำหนดมาให้ เลือกเวลาทำงานเกินนี้ไม่ได้) นี่งานเดียวเลยนะ ถ้าใครทำจ๊อบ 2 (ซึ่งตอนแรกเรากะจะทำแต่สุดท้ายขี้เกียจเลยไม่ทำ) ก็จะได้เยอะกว่านี้ ในเกาะนั้นส่วนมากงานที่สองก็จะอยู่ประมาน $8-9/hr จะได้ทำกี่วัน วันละกี่ชั่วโมงก็ตามสะดวกเมเนเจอร์ที่นั้นๆเลย ซึ่งส่วนมากก็เป็นไม่ร้านอาหารทะเลก็ร้านขายของชำตามชายหาด
ถ้าถามว่าเราเหลือเงินกลับไทยมั้ย ตอบเลยว่า ไม่จ้ะ ไม่เหลือเลยแม้แต่แดงเดียว ติดลบด้วยซ้ำเพราะเที่ยวแล้วก็ช้อปเยอะไปหน่อย 55555555 แบบว่าเราเรียนจบแล้วไง เราต้องหางานทำต่ออยู่แล้ว จะคืนพ่อแม่เราก็ค่อยเอาเงินเดือนเราคืนตอนหลังได้ ก็เลยใช้จนหมด แหะๆ
ในส่วนของงานนี้ก็จบแล้ว ไว้รอบหน้าเราจะมาบอกเล่าเรื่องการไปเที่ยว 1 เดือนเต็มๆหลังจากเวิร์คเสร็จให้ฟัง พร้อมลงรายละเอียดให้ทั้งวิธีการวางแผน การเลือกซื้อตั๋วบิน การเดินทาง และรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ (ที่สุดท้ายแล้วทำเอาเราติดลบ ฮือๆ) บอกเลยว่าเป็นมหากาพย์แน่ๆ(มั้ง)
ขอบคุณที่อ่านมากันถึงตอนนี้น้า แล้วก็ใครที่เคยติดตามเรามาก็ขอบคุณมากเช่นกันค่า โพสนี้คงเป็นโพสสุดท้ายของปี 2016 แล้ว ยังไงก็ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ แล้วไว้พบกันใหม่ในปีหน้าจ้า 🙂
– บีบีไงจะใครหล่ะ
ตอนนี้กำลังสนใจwat พออ่านครบทุกอันด้วยนี่ได้ความรู้เยอะเลยครับ ขอบคุณครับ
LikeLiked by 1 person