‘รถของเรา’ กับ ‘First Roadtrip’
หมายเหตุ: ช่วงแรกหนักตัวอักษร ช่วงหลังหนักรูปจ้ะ
หนึ่งในการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และก็เป็นเหตุผลหลักเลย ว่าทำไมเราไม่เหลือเงินกลับบ้าน นั่นก็คือการเช่ารถระหว่างที่ยังทำงานอยู่! ใช่ฮะ เช่ารถหนึ่งเดือนเต็ม ไม่ใช่ตอนเที่ยว แต่ตอนเวิร์คอยู่ มานึกถึงตอนนั้นแล้วก็รู้สึกบ้าสิ้นดี ตกลงเออออไปได้ไงวะ คึกไปมั้ย
มันเป็นการลงทุนที่ทั้งเสียดายและก็คุ้มที่สุดไปพร้อมๆกัน เสียดาย เพราะหารกัน 4 คน เงินหายไปคนละราวๆ $575 หรือสองหมื่นกว่าบาท (ทำงานอาทิตย์กว่าๆ) คุ้มที่สุด เพราะพอมีรถแล้วก็ได้เที่ยวเยอะมากๆ ไปไหนมาไหนสะดวก อยากทำไรก็ทำ
ส่วนตัวแล้ว เรารู้สึกว่าเราใช้รถคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปที่สุด เพราะไม่ว่าจะไปเที่ยวไหน มีเราเกือบตลอด เราพลาดแค่ไม่กี่ครั้งเอง (ถึงจะไม่ใช่คนที่ขับตลอดแล้วเหนื่อยที่สุดก็ตามที)
แต่ก่อนจะเล่าอะไรหลายๆอย่าง เราต้องมาเล่าเรื่องราวก่อน ว่าไปไงมาไงถึงคิดเช่ารถ! (คนไปเวิร์คธรรมดาทั่วไปใครเล่าเค้าจะคิด บ้า!)
หนึ่ง ถ้าใครได้เริ่มอ่านบล็อกเรามาก่อน จะรู้จักชายสองคนที่มีนามว่า นน และ บิว
สอง แล้วก็จะได้รับรู้ด้วยว่าชายนนนั้นรวย
สาม และจะทราบว่าสองหนุ่มนี้เป็นมนุษย์ผู้ไม่อยู่นิ่ง หาอะไรทำตลอดเวลา กิจกรรมมาเต็ม (ตกปลาก็ไปมาแล้วไง)
จากสามข้อนี้นั่นแหละ… ค่ะ ตัวการหัวโจกคิดเรื่องเช่ารถก็จะมีใครที่ไหนไปได้ นอกจากคุณนนและคุณบิว!
จริงๆนนได้เกริ่นไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่สองแล้วตั้งแต่มาอยู่ ว่านนรู้สึกอยากจะได้รถมาไว้ขับซักคน เพราะจะเข้าเมืองที่ก็ต้องลำบากหาเซอร์วิซเรียกรถเข้าเมือง ไม่ก็ไปรบกวนเพื่อนร่วมงานเพื่อพาเข้าเมือง ซึ่งคือเค้าก็มีชีวิตของเค้า คงไม่ได้อยากจะไปเที่ยวไปเข้าเมืองอะไรงี้บ่อยเท่าเรากันหรอก คุณบิวแกก็เออออเห็นดีไปด้วยกับความคิดนั้น
คนอื่นๆในบ้านจริงๆก็เห็นด้วยนั่นแหละ ว่าถ้ามีรถก็ดี แต่ทุกคนก็เป็นห่วงกันเรื่องค่าเช่ารถ เพราะมันหมายถึงว่าจะต้องยอมลงทุนมาก และอาจพลาดเอาเงินไปใช้ในโอกาสอื่นๆอีก
คือต้องบอกก่อนว่าค่าเช่ารถในแต่ล่ะรัฐแต่ล่ะเมืองมันไม่เท่ากัน แต่ละเอเจนซี่เรทก็ไม่เท่ากันด้วย บวกเพิ่มไปอีกอย่าง ถ้าคนที่เช่า(ในนาม)อายุเกิน 20 แต่ไม่ถึง 25 ก็จะโดนบวกเพิ่ง underage driving fee ทบไปเป็นรายวัน เพราะจริงๆเราควรจะเช่ารถได้เมื่ออายุ 25 เท่านั้น (ถึงแม้ว่าเด็กเมกันจะสามารถขอ driving license ได้ตั้งแต่ 16) แล้วมีบวกอีก! ว่าต้องใช้บัตรเครดิตเท่านั้นหากอายุต่ำกว่า 25 และจะโดนระงับ วงเงินจำนวนเต็มของค่าเช่ารถบวกค่าประกัน(ถ้าซื้อ)และ fee อื่นๆ ไว้ตลอดระยะเวลาการเช่ารถ โห…
จริงๆโชคดีที่ว่าตรงแถบที่เราอยู่ค่าครองชีพไม่สูงมาก tax รัฐก็ไม่สูง (ขึ้นๆลงๆอยู่ 6-7%) ค่าเช่ารถรายวันเลยไม่แพงมาก แล้วถ้ายิ่งเช่าตามเอเจนซี่สาขานอกเมืองมันก็จะยิ่งถูกลงไปอีก (ยิ่งในเมืองยิ่งแพง ถ้ายิ่ง airport แล้ว ก็บวก airport fee ไปอีกอ่ะ) แต่สำหรับพวกเราที่เป็นคนไทย มานั่งตีเป็นเงินบาทแล้วมันก็แพงอยู่ดี เกือบทุกคนก็เลยถอดใจกันไปในเรื่องเช่ารถ
ถึงอย่างนั้นนนกับบิวไม่ยอมแพ้ ไปส่องดูจะซื้อรถมือสองเลยด้วยซ้ำ เพราะจริงๆมันก็ถูกกว่าค่าเช่า แถมไม่ต้องโดนผูกสัญญาหรือระงับบัตรอะไรด้วย (แต่ไม่แน่ใจว่าซื้อยังไงนะเอาจริง ไม่รู้ว่าต้องดีลยังไงบลาๆ) แต่ก็เกิดเหตุที่นนจะต้องกลับไทยกระทันหันไปหนึ่งอาทิตย์ เรื่องนี้มันก็เลยเงียบหายไป (เพราะตอนนั้นบิวสนแต่จะไปตกปลา)
พอนนกลับมาเท่านั้นแหละ ฮีก็ยังคงพูดอยู่ว่าจะเอารถ! เรื่องโดนระงับบัตรเครดิตไม่วอรี่ นนมีตัง บัตรนนวงเงินพอ… โห… ค่ะคุณชาย แล้วมันก็มาถึงตอนที่นนหาที่เช่ารถได้ละ นู่นนี่นั่น เฮียแกก็มาสรุปรอบสุดท้ายกับคนในบ้าน
“จะเช่ารถ สรุปใครจะยอมลงทุนหารค่าเช่ารถกับนนแล้วก็บิวบ้าง?”
ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเราประสาทหรืออะไรหรอกนะ หรือเพราะด้วยความรู้สึกว่าพวกเราเรียนจบแล้วนี่ ไม่มีไรจะเสียแล้วปะวะ ถ้าเงินต้องคืนพ่อแม่ก็ไว้กลับไปหางานเอาเงินเดือนคืนก็ได้ ไม่เหมือนน้องที่ต้องกลับไปเรียน … เรากับกวางดาวเลยตกลงไป
จริงๆในตอนแรกมันก็มีน้องคนอื่นๆแล้วก็เพื่อนอีกสองคนที่คิดจะเช่าด้วย แต่จำนวนคนหารมันเกินไซส์ของรถ (จะหาร 7 แต่รถนั่งได้ 4 แบบนี้) ก็เลยคิดว่ามันคงวุ่นวายแย่งใช้รถกันแน่ๆ แล้วก็เรื่องเงิน ก็เลยถอดๆใจกันไป มาตอนสุดท้ายก็เลยเหลือ นน บิว เรา กวางดาว สี่คนในบ้าน(โดยบังเอิญ)ที่เรียนจบกันหมดแล้ว
เจ้าของรถก็เลยจะเป็นพวกเราสี่คน และคนที่มีใบขับขี่สากลก็มีเพียงแค่เรากับนน ซึ่งก็เป็นเพียงสองคนที่ดันขับรถแข็งอีกต่างหาก (น้องคนอื่นๆก็ขับรถได้แต่เพียงไม่ได้อยู่ในจำนวนที่หาร) เห็นนนว่าบิวขับได้แต่ไม่ได้ขับดี นนไม่อย่างเสี่ยงตาย (ซึ่งเอาจริงๆมีช่วงท้ายบิวได้ขับรถ ก็ไม่เห็นแย่อย่างที่นนว่าซักกะหน่อย) ส่วนกวางดาวนางขับรถไม่ค่อยเป็น ใบขับขี่ก็ยังไม่มี (นางบอกว่าถ้าไม่อยากตายหรือรถพังก็อย่าให้นางลอง) สารถีรถของบ้านก็เลยกลายเป็นเรากับนนไปโดยปริยาย
พอมาถึงวันที่นนจะไปเอารถ (เพราะนนจะใช้บัตรเครดิตของตัวเอง) ก็จ่ายเงินให้นนไปค่ะ ฟิ้วๆ เงินลอยหายไปในพริบตา TT^TT แต่ยังดีที่ว่าจะเช่ารถเก๋ง แต่พอไปเอาเค้าดันไม่มี เลยอัพเกรดให้ฟรีๆ เป็น mini-SUV ค่ะคุณ ดีเลิศประเสริญศรี รถคันใหญ่เราชอบ!! (รู้สึกว่าจาก Nissan, Honda สี่ที่นั่งมั้ง กลายเป็น Hyundai SantaFe จ้าาา)
ลืมบอก $2300 โดยประมานคือเป็นค่าเช่ารถรายวัน + ค่าประกันรายวัน + underage fee รายวันของหนึ่งเดือน (จากวันที่ 3 July – 2 August 2016) ถ้าใครไม่เอาประกันก็จะถูกกว่านะ แต่นนบอกว่าเช่าเดือนนึงแนะ ไม่รู้อะไรจะเกิด ซื้อเถอะ ก็คิดว่าพวกเราไม่ได้ขับรถชนอะไรกันเลยแท้ๆนะ ไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นเลย แต่สรุปตอนนนเอารถไปคืน เห็นว่ามีรอยอะไรไม่รู้หลายจุด แต่ประกันก็คลุมไปค่ะ เอ้อ คุ้มค่าประกันก็ได้(มั้งนะ)
แต่ด้วยความที่! พอตอนนั้นรู้แล้วไงว่าจะมีรถ ก่อนหน้านั้นเลยมานั่งคิดว่า เฮ้ย มีรถแล้วไปไหนกันดีล่ะ เฮ้ยๆๆ มีใครเดย์ออฟตรงกับเราบ้าง? เราหยุดวันนึงหลังวันที่นนไปเอารถกลับมาพอดีเลย! แล้วเราก็ได้สมาชิกมาซึ่งก็คือ (แม่)เมย์ พิดอก (ชื่อเล่นจริงคือแคท) และ พินั้ม (ชื่อเล่นจริงคือน้ำชา) พวกเราก็คิดการไกล… 2 days 1 night roadtrip เข้าเมือง Charleston แล้วก็ขึ้นไป Myrtle Beach กัน ! แม้ว่าวันถัดไปพวกเราจะต้องทำงานกันก็ตาม แต่ก็คิดว่ากลับมาทัน เพราะพวกเราทำงานกันกะเที่ยง-บ่ายโมง ออกแต่เช้าแล้วก็กลับแต่เช้า
จัดการไปค่ะ วางแผนเที่ยว กะเวลาโดยคร่าวๆ หาที่พัก แล้วพินั้มก็ได้ไปเจอบน Booking.com จัดการจอง จ่าย เรียบร้อย! พร้อมไป!
edit: ป.ล. พิดอกกับพินั้มอายุเท่าเรา แต่พวกมันเป็นนศ.ถาปัตฯปี4 แล้วเรียน 5 ปี พวกมันก็ยังเป็นนักศึกษากันต่อปัย
ทริปแรกด้วยรถคันใหม่ของเราก็เลยกำเนิดขึ้น เหมือนเราเอารถไปประเดิมทางไกลคนแรก (หนึ่งวันทันทีหลังได้รถ นน บิว กวางไม่ต้องใช้รถ) 5555
ขอแจงคั่นอีกรอบ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่คิดจะดูแลจัดการเรื่องค่ารถ
- นอกจากคนที่ไม่ใช่เจ้าของรถที่ลงทุนหารกันแล้ว ใครเป็นผู้ร่วมทาง(ไกล)ไม่นับเจ้าของในวันนั้นๆจะต้องหารค่ารถราคาเต็มรายวัน ตอนนั้นคิดยังไงไม่รู้คิดออกมาได้เป็น $52 ต่อวัน ใครไปด้วยก็ให้เค้าหารแล้วจ่ายเรามา เรามีหน้าที่เก็บเงินแล้วแจกจ่ายคืนสมาชิกรถในภายหลัง ซึ่งมาตอนเอารถคืนกลายเป็นว่าเราหารผิด ต้องตามเก็บเพิ่ม โซซอรี่จีจี แหะๆ
- ค่าน้ำมันก็ใช้วิธีหารแบบเดียวกัน คือถ้าวันนั้นน้ำมันจะหมด หรือลงไปเยอะ คนที่เติมก็คือเหล่าคนที่ใช้รถ ถ้าไม่ได้ไปทางไกลคนเติมน้ำมันก็จะเป็นเจ้าของรถสี่คนหารกัน แต่ในกรณีไม่ได้ลดลงเยอะไม่ได้ไปไหนไกล คนที่ร่วมนั่งรถก็นั่งฟรีไปจ้ะ
โอเค มาเริ่มทริปประเดิมรถกันดีกว่า!
พวกเราแพลนที่จะออกจากบ้านไม่เกิน 10 โมง เป็นการนอนได้อย่างเต็มอิ่มและจะแวะเข้าเมืองที่ใกล้พวกเราเพื่อกินข้าวเที่ยงก่อน ซึ่งก็คือ Charleston ไปตามความอวดของคนที่เข้าเมืองไปเอารถก่อนหน้านั้นว่า ‘มีร้านอาหารไทย อาหารอร่อยมาก ฟิน!’ และก็เป็นการเข้าเมืองครั้งที่สอง เลยว่าจะลองเดินเล่นย่านดาวน์ทาว์นกันซักหน่อย (รอบแรกไปแค่เอ้าท์เล็ต)
แต่ด้วยเหตุใดเราจึงซวย เจอรถติดเพราะอุบัติเหตุเข้าไปร่วม 2 ชั่วโมงกว่าๆ ทั้งๆที่มันควรจะแค่ 1 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นแท้ๆ


กว่าจะถึงในเมืองก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว แผนพังไปหมด แต่ด้วยความถึงเมืองแล้วไง ช่างมัน กินกันก่อนเถอะค่ะ !
คือพวกเราหิวมากๆๆๆ เพราะก่อนออกจากบ้านก็ไม่ได้กินอะไรมาก พอรถติดมานานก็หิว สั่งกันอย่างตาลายมากมายหลายอย่างโดยไม่ได้คิดเลยว่ามันจะออกมาไซส์เบิ้มเพียงใด
พอท้องอิ่มแล้วก็ไปเดินเล่นย่อยกันซักพักเถอะ ก่อนออกเดินทางต่อไป Myrtle Beach!
หลังจากนั้นก็ออกเดินทางกันค่าาาาาาา เหยียบแบบอยู่ใน limit บ้าง speed บ้าง แล้วแต่ช่วงถนน แต่ถ้าเข้าช่วงเมืองระวังเรื่องซิ่งนะจ้ะ มันมีกล้องจับความเร็วอยู่ แต่ถ้าทางชนบทก็ขับไปเถอะ เดี๋ยวก็เจอคันอื่นซิ่งเหมือนกัน 5555 (แต่เค้าจริงจังกว่าบ้านเรามากนะยูว) ใช้เวลาไปทั้งหมดราวๆ 3 ชั่วโมง พวกเราก็แวะที่พักเอาของไปไว้กันก่อนเลย
คือจริงๆสิ่งที่พวกเราตั้งใจมากๆ คือการแวะ outlet ที่ Myrtle Beach (ด้วยความจะแวะที่ Charleston ก็คงไม่ทันการและจากที่เสิร์ชมันเล็กกว่าที่เมิร์เทิล) แบบว่าทำงานมาจะเดือนนึงแล้วตอนนั้น มีตังบ้างละ อยากช้อปหว่ะ ตอนที่จองที่พักก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เอาว่าไม่ไกลจากตัวเมืองมากไปแล้วก็ราคาเบาๆ แต่ตอนขับมาก่อนเข้าที่พัก ห้ะ เดี๋ยว แก๊ ข้างๆนั่นมันเอ้าท์เล็ตมะใช่หลอ! เอาของโยนที่พักกันพึ่บพั่บแล้วก็แจ้นออกไปเอ้าท์เล็ตทันใดจ้า!


พอไปถึงเราก็เดินด้วยกันซักพักก่อนแยกกันเดิน เราไปกับเมย์ พิดอกไปกับพินั้ม ช้อปกันกระจุยยยยยยย กระจุยกระจายมากๆชนิดว่าตั้งใจจะช้อปแค่แป๊ปเดียว เพราะตอนนั้นราวๆ 5 โมงจะ 6 โมงแล้ว เดี๋ยวไม่ได้เข้าไปแวะในเมือง แต่นะ… เพลิน พลาด ช้อปกันยัน 2 จะ 3 ทุ่ม รอไปรอมาเอ้าท์เล็ตจะปิด ฝนจะตกแล้วยู! พัง แผนพัง พังตั้งแต่รถติดแล้ว 55555
ทีนี้ ถ้าใครได้อ่านบล็อก China Air ก็จะเจอบุคคลที่มีนามว่าพี่เต้ (ที่เราเรียกว่าลุง) อยู่ในเรื่อง เป็นคนที่เราไปสนิทด้วยในช่วง 2-3 วันที่บินแล้วก็ orientation ณ ฟลอริด้า พอดีเฮียแกประจำอยู่ที่ Mrytle Beach เลยนัดไปว่ามาเจอกันมั้ย ลุงแกจะมาช้อปที่เอ้าทเล็ตพอดี เลยได้เจอกัน แล้วตอนนั้นเราเลยจะไปส่งลุงกลับที่พักให้ ไหนๆเราก็มีรถ
หลังจากช้อปกันได้เรื่อง เราเลยขับเข้าเมืองกัน ว่าจะไปแวะเดินเล่นหรืออะไรกันซักหน่อย แต่ด้วยความหิวเลยแวะมอลล์หาไรกินก่อน แล้วค่อยออกไป แต่กลายเป็นว่าด้วยความเป็นวันธรรมดาไง ไปตรงไหนเค้าก็ปิดหมดแล้วแกรรรรรร ฮืว พลาด ได้แต่ไปวนรถดูว่ามันมีอะไรบ้างในเมืองนี้ แล้วก็วนไปส่งลุง แต่แล้วก็ได้พบว่าละแวกที่ลุงอยู่อ่ะ คือที่ๆเดียวที่เปิด! เป็นเหมือนย่านเที่ยวกลางคืนอ่ะ มันตื่นตามั่กๆโลย ใจจริงก็อยากลงไปเดินเล่นกันนะ แต่พอส่งลุงแล้วตอนนั้นมันแบบ เที่ยงคืนแล้ว เหนื่อยกันแล้ว เลยตัดสินใจวกรถกลับโรงแรมแล้วก็นอน เพราะต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะขับรถกลับบ้านแล้วยังต้องไปทำงานต่อกันอีก หลับไปค่ะ คร่อกกกก….
ตอนเช้า พวกเราโคตรไม่อยากตื่นกันเลย ง่วงก็ง่วง แล้วเราเป็นคนขับกลับ (จริงๆขามามีช่วงที่เมย์ช่วยขับแทนให้ แต่ก็เราควรเป็นคนรับผิดชอบดีกว่า) เลยต้องแวะหาซื้อกาแฟ ตุนขนม (ให้ตัวเอง) แล้วก็ขับกลับอย่างไม่รีรออะไรใดๆทั้งนั้น ไม่แวะไรล้าว พุ่งหลาวกลับบ้าน!
กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เราขับแบบกินกาแฟอมลูกอมไปตลอดทางเพราะค่อนข้างง่วง ทุกคนหลับสนิทแบบไว้ใจกันมาก โอ้โห ไม่ห่วงชั้ลเลย กลับถึงบ้านเวลาไหนจำไม่ได้ละ แต่ตอนไปทำงานคือได้ขับรถไป ฟินฝุด ไม่ต้องเดินแล้วเฟ้ย! (เดิน 10-15 นาที แต่ขับ 3 นาทีถึง)
จริงๆตอนนั้นถึงเราจะเอารถไปเที่ยว แต่คุณชายทั้งสามของบ้าน (นน บิว เอม) จริงๆก็ออกไปเที่ยวที่ Mrytle Beach เหมือนกันนะ แต่เค้าไปกับเมเนเจอร์ผู้ชายที่ชื่อคีธของพวกเรา แล้วก็ไปแบบว่า ออกจาก Edisto Island ตอนจะเที่ยงคืน ไปถึงทางนู้นราวๆตี 2 (เมเนเจอร์ซิ่งน่าดูว) เลยคลาดไม่ทันเจอกัน แต่มารู้ตอนหลังว่าพักโรงแรมข้างกันอีกนะเอ้อ!
เอนี่เวย์ จบกันไป คิดถึงจัง ตอนแรกคุยกันว่าอยากจะไปโร้ดทริปที่มีพวกเราด้วยกันอีก แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสเลย ซึ่งเอาจริงส่วนมากคือไม่มีเมย์ เรา พิดอก พิน้ำ ได้ไปไหนต่อไหนบ่อย เสียดายจัง อยากไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ คิดถึงทุกคน จุ๊บส์ ❤
– บีบีไงจะใครหล่ะ
กูไม่ได้ซิ่ว!5555555
LikeLike
กูแก้หั้ยก้ดั้ย!
LikeLike