จากโพส WAT16 รอบที่แล้วเราได้พูดถึงประสบการณ์ของเรากับเอเจนซี่ HiEd (ใครยังไม่ได้อ่านไปอ่านได้ที่นี่) ไป เราได้เกริ่นไว้เล็กน้อยว่ารู้สึกไม่ถูกโฉลกกับสายการบิน China Air ที่เราโดนบังคับซื้อตั๋วบินไป ตอนวันที่ต้องบินจริงๆก็ได้แต่ทำใจ ทำใจไว้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็จะก้มหน้ารับกรรมไป… มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอก(มั้ง)
แต่แล้วลางสังหรณ์ของเรามันก็แรง(เกิ๊น) มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจนได้! เป็นการเดินทางที่อุปสรรคเยอะที่สุดในโลกหล้าเลยก็ว่าได้จ้า
เราถึงขั้นต้องโพสเฟสบุ๊คเล่าถึงเหตุการณ์นี้
มาว่ะ มีลางอยู่แล้วว่ามันไม่ราบรื่นแน่ๆตั้งแต่ตื่นมา อะไรที่มันง่ายดายไม่เคยเกิดขึ้นกับอีบีบีจริงๆด้วยค่า
(สุวรรณภูมิ) อุปสรรคที่ 1 – ไฟลท์ควรบิน 11.15 แต่ตอนนี้เลื่อนให้ขึ้นเครื่อง 11.10 ก็ดีเลย์ไป 40 นาทีจ้า
(ใต้หวัน) อุปสรรคที่ 2 – ตกเครื่องบิน! เครื่องบินเข้าจอดไม่ได้ นั่งรอบนเครื่องบนรันเวย์ที่สนามบินใต้หวันไปสิ 3 ชม สรุปตกเครื่อง เปลี่ยนเครื่องกันไปจ้าาาา บินต่อยาวๆ ไม่ต้องพักไรทั้งนั้น บายยยย
(นิวยอร์ค) อุปสรรคที่ 3 – จากที่เครื่องดีเลย์ที่ใต้หวัน แล้วต่อเครื่องทันที กระเป๋าทุกคน (100+++) เลยไม่ติดมาด้วยจ้าาา เค้าบอกจะส่งมาให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ก็คือกระเป๋าที่โหลดมาหายทุกคน ขึ้นเครื่องมาแค่ไหนก็แค่นั้นแหละ
คนที่ไฟลท์เช้าก็นอนสนามบินกันไป คนที่ไฟลท์ช้ากว่าก้นอนโรงแรมค่า ก็ดีนะ ซวยกันทีซวยเป็นร้อย มีเพื่อนร่วมชะตา 5555
ลางสังหรณ์ที่ไม่โอเคไม่พร้อมจากตอนเมืองไทยเป็นจริงค่ะ โอ้โห ยังจะมีอีกกี่ต่อนะ มหากาพย์มากๆเลยจย้าาาา
นี่แหละ คือความไม่ถูกโฉลกของเรากับไชน่าแอร์! แต่คือยังดี ไม่ได้ซวยไปคนเดียว มีเพื่อนร่วมเคราะห์ด้วยอีกเกือบ 200 ชีวิตที่ไปทำงานไบโลเหมือนกันในสาขาอื่นๆและคนอื่นๆบนเครื่องบินลำเดียวกัน
แต่ที่แปลกคือสำหรับเรา ส่วนตัวแล้ว การเดินทางไปเมกาของเราแต่ละครั้งมีอุปสรรคมากเหลือเกิน ไม่เคยมีโชคกับพวกไฟลท์บินใดๆเลย ไปเวิร์คคือการเหยียบแผ่นดินสหรัฐฯเป็นครั้งที่ 3 ของเราแล้ว เจอไฟลท์ดีเลย์ต้องวิ่งต่อเครื่องเกือบตกเครื่องอะไรงี้ประจำ รอบนี้หลายต่อด้วย ตู้มมมม…
รายละเอียดแบบได้ฟีลเราอยากเอาโพสอีกอันที่เราได้เล่าเรื่องไว้บนเฟสบุ๊คเหมือนกันมาแชร์ให้อ่านกัน คือตอนนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว เอาฟีลลิ่งตอนนั้นดีกว่า มีอรรถรสมากกว่ากันเยอะ
โพสเฟสบุ๊คจากวันที่ 17.06.16
นี่คือเรื่องราวของเวิร์คแอนด์แทรเวิลครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตของเรา
วันนั้นที่ต้องเดินทางในวันที่ 2 มิถุนายน รู้สึกแปลกใจกับตัวเองมากว่าทำไมรู้สึกไม่พร้อม ไม่พร้อมที่จะต้องเดินทาง ไปเผชิญกับอะไรใหม่ๆ ในดินแดนที่เราจะไปเหยียบเป็นครั้งที่ 3 มันหวิวมาก ของที่เตรียมก็ว่าครบนะ แต่ใจมันไม่พร้อม รู้สึกตื่นจระหนัก ใจหายวาบ แค่เหยียบถึงสุวรรณภูมิก็มีลางแปลกๆ เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วคือแต่ละครั้งที่เดินทางมาเมกา มันก็มักจะมีเรื่องพีคๆ อุปสรรคขวางทางเสมอ
แล้วก็ตามลางสังหรณ์อันแรงกล้าของตัวเองทีมักจะเกิดขึ้นจริงเลย สรุปก็เจอปัญหาไปตั้งแต่ยังไม่บิน เพราะไฟลท์ดีเลย์ไปประมานครึ่งชม เอาละ มาคนเดียว ยังไม่รู้จักใคร ไปอยู่ไหนวะ ดีที่ Parn โทรมาคุยด้วย เลยมีเพื่อนคุยแก้เหงายันต้องขึ้นเครื่อง
พอขึ้นเครื่องละ เราก็ได้เจอเพื่อนเวิคคนแรกที่ได้คุยด้วยเต็มๆ ชื่อหนึ่งที่นั่งข้างกัน แล้วไม่มีใครนั่งคั่นกลางด้วย 555 จริงๆก่อนหน้านั้นก็เจอคนชื่อเหมาไปแล้ว (ใช่ปะวะ) แล้วก็นั่งถัดกันบนเครื่องด้วย แต่นั่นแค่เจอกันผ่านๆเพราะเห็นเดินมาเช็คอินตามหลังเฉยๆ เลยไม่ได้คุย ก็นั่งคุยกับหนึ่งยันเครื่องขึ้น หลังจากนั้นก็ทางใครทางมัน ดูหนังฟังเพลงหลับ ยันถึงใต้หวัน
แต่เหตุที่สองก็มา เครื่องบินไม่เข้าจอดเทียบเทอมินอลซักทีจนทุกคนงง กัปตันก็บอกอีก 15 นาทีๆ นั่งรอไปสิ บอกว่าอีกแปปไปซัก 3-4 รอบ สิริรวมนั่งอยู่บนเครื่องคาอยู่กลางรันเวย์ไป 3 ชั่วโมง ตกเครื่องที่ต้องต่อกันยกลำค่ะะะะะ เด็กเวิคทุกคนก็งงไปสิ เอาละไง พวกกูต้องทำไงวะ พอเข้าเทอมินอลกันไปก็เดินตามๆกันไปแบบไม่รู้จักกันหรอก มีจับกลุ่มบ้างตามที่เห็นๆหน้ากัน ได้รู้จักกับแจงก็ตอนนั้นเพราะหนึ่งด้วย
หลังจากนั้นก็เดินหาโต๊ะอิโฟ จนได้เรื่องว่าให้ไปขึ้นไฟลท์ถัดไปได้เลย ตอนทุ่มครึ่ง ตอนนั้นก็ทุ่มครึ่งแล้วไง ทำไงล่ะ วิ่งดิเอ๋วิ่งงงง ลนๆๆๆไปหน้าเกทกัน แล้วก็ได้ขึ้นเครื่องจนได้ ตอนนั้นก็คุยๆกับพวกที่เจอว่าหวังว่าเราจะไม่เจออะไรแบบนี้อีกแล้วนะ ซวยชิบหาย
ขึ้นลำนี้ ย้ายที่นั่ง ไปนั่งข้างเพื่อนที่ชื่อน่าน นั่งใกล้ๆกับผชที่ชื่อเหมาเหมือนเดิม ก็คุยกับน่านไปค่อนข้างตลอดทาง คุยบ้างหลับบ้างดูหนังบ้างสลับกันไป เพราะไฟลท์มันยาว 13-14 ชมแนะ
เมื่อถึง JFK กันแล้ว เราก็ได้ทักคนที่นั่งข้างหน้าเรา เพราะเห็นว่ามาไฮเออร์เหมือนกัน เผื่อเราจะเจอคนที่ทำสาขาเดียวกะเราบ้าง เพราะเดินทางมาเกิน 15 ชมแล้วก็ยังเจอแต่คนไปทำ Myrtle Beach ก็เลยได้รู้จักกับ แคทกับน้ำชา (พิดอกและพินั้มของเลานั่นเอง) หลังจากนั้นก็ลงเครื่องปกติ
แต่ที่สับสนงงงวยก็อยู่ตรงก่อนลงนั่นแหละค่ะ เพราะกัปตันประกาศว่า ใครที่มาจากใต้หวันตามไฟลท์ก่อนหน้าที่ถูกดีเลย์ไปนั้น… กระเป๋าไม่ได้บินมาด้วยนะคะ!!!! เอ่าอีชิบหายยยย พวกที่ขึ้นเครื่องตัวเปล่าก็พังไปดิ เรายังดีที่พกเสื้อผ้าชุดสำรองอะไรต่ออะไรขึ้นเครื่องใน carry on ไปด้วย แล้วพอดีเราอยู่กับพวกที่ต้องไปนอนที่โรงแรม JFK Inn ก่อน เพราะไฟลท์ต่อของเรามันอีก 24 ชม.เต็ม โอ้โห…
อ่ะ แต่ก่อนหน้านั้นก็คือที่ต้องเข้าตม. ถึงประมานตี 1-2 แต่กว่าจะผ่านตม.นี่นานชิบหายยยยยยยย ซัก 1-2 ชม. พอพ้นๆไปแล้วก็ตามๆหาพวกที่ต้องไปนอนพักด้วยกัน แล้วก็ตามๆกันออกไป เช็คอินเข้าที่พักอะไรต่ออะไรเรียบร้อย ณที่นั้นก็ได้รู้จักกับพวกที่ทำ Edisto เกือบครบทุกคน ได้เจอเดมี่ที่ตอนนี้เป็นหนึ่งในรูมเมทด้วยกัน เพราะตอนนั้นนอนห้องเดียวกัน แล้วมีน้องอีกสองคนชื่อมิ้มกับมิ้น
แล้วคือทุกคนหิว นอนก็ไม่นอน เลยเดินออกไปหาไรกินที่ 7-11 ที่หายากมากๆในเมกาใกล้ๆที่พักกัน คุยไปมา ก็พบว่ามีคนที่บินไฟลท์ 11 โมงบ้าง บ่ายบ้าง แล้วก็มีพวก 2 ทุ่ม เลยคุยๆกันว่างั้นเราออกไปเที่ยวในแมนฮัตตันกันมั้ย มันว่างมากเลยอ่ะ ให้นั่งรอนอนรอก็น่าเสียดายนะ ตรงนั้นก็เลยได้รู้จักและร่วมแก๊งกับ แอร์แบร์ จีโน่ เอม แล้วก็พี่เต้ รวมแล้วไปด้วยกัน 7 คน จริงๆก็เจอแบบ กวางดาว นนแล้วก็บิวด้วย แต่ไม่ได้นัดไปด้วยกัน แค่รู้ว่าก็น่าจะเข้าเมืองเหมือนกันน่ะแหละ
พอเช้ามาก็เลยพาทุกคนเข้าแมนฮัตตัน โดยไปฝากกระเป๋าที่สนามบินก่อน อาศัยความเคยเข้านิวยอร์คมาก่อน พาทุกคนไปเดินเล่นกลางเมืองแถวๆ Time Square ซื้อเสื้อผ้าอะไรต่ออะไรกันนิดหน่อย เพราะหลายๆคนไม่มีอะไรติดตัวเลย แล้วคือตอนนี้แหละ จู่ๆก็กลายเป็น “เจ้เบล” เฉยเลยจ้า เพราะนังเอมแท้ๆ แล้วทุกคนก็ติด เออ ดีค่ะ
พอเสร็จจากช้อปก็ตรงดิ่งกลับสนามบินกัน เพื่อไปหาอะไรกิน ชาร์จแบตรอขึ้นเครื่อง ก็มีการดีเลย์เกิดขึ้นอีก แต่ไม่นานมาก ก็โอเค โดนด่าด้วยว่าเค้าเรียกให้ไปเอาตั๋วที่มีเลขที่นั่งแล้วไม่ไป ก็มันไม่ได้ยินนี่หว่า ฟังยากชิบหาย แถมประกาศเบาอีก พวกเราไม่ผิดเด่ะวะะะ แง่ม
ทีนี้ก่อนหน้านั้นมันมีจัดการทำเรื่องกระเป๋าเดินทางที่หายไปกัน พอบินถึง JAX ก็ถึงเวลาลุ้นเลยค่ะ ว่ากระเป๋าใครมาบ้าง สรุปแล้วมันมา!! แต่เฉพาะพวกคนที่ได้ tag กระเป๋าที่ต่อยาวมาถึง JAX ตั้งแต่ตอนเช็คอินที่ไทยเท่านั้นนะ พวกที่โดนลง JFK ก็คือยังไม่ได้ซักที ส่วนเราน่ะได้ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีล่ะนะ
หลังจากนั้นก็ออกไปขึ้น shuttle ไปที่พักกัน ไปถึงก็เจอพี่หยก ที่มานั่งรอเอาเอกสารให้แล้วก็บอกว่านอนไหน ตอนนั้นเลยแหละ ที่ทำให้สนิทกับกวาง เพราะกวางกับเดมี่โดนจับนอนห้องเดียวกับนนแล้วก็บิว งงไปดิ เราได้นอนกับมิ้นโมออ ซึ่งตอนนั้นไม่สนิทเท่าไหร่ คุยไปมา เราเลยไปนอนเบียดกวางกับเดมี่แทน อุ่นใจและร่างชากันไป 555555
วันถัดมาก็ไป orientation ที่สนง.ของ SouthEastern Grocers มีความดีงามของตึก และพิซซ่าที่เค้าเลี้ยง แต่ไอ้ที่ให้ทำแบ้ง ให้ซื้อซิมนี่แบบ สรุปทุกวันนี้สัญญานแทบไม่มี เน็ตก็ใช้ไม่ได้ กากสัสๆ เพราะพวกเรามาอยู่บ้านนอกธรรมชาติมากๆ แบ้งก็ยังไม่ได้บัตรจริง หลายคนก็ยังทำออนไลน์แบ้งกิ้งไม่ได้เลออ แล้ววันนั้นให้ทำเอกสารของนายจ้าง โห รอนานชิบหายยยย เบื่อสุด รอจนเมื่อย พอเสร็จก็กลับโรงแรม
ตอนแรกก็ว่าจะอยากออกไปข้างนอกบ้างนะ แต่สรุปไปแย่งแคทกับน้ำชานอนที่ห้องยัน 2 ทุ่ม ตอนน้ำชาปลุกนี่เด้งเลย นอนนานชิบหาย 5555 แล้วก็แค่กลับห้องอาบน้ำไปเบียดกวางกับเดมี่นอนตามเดิม
วันถัดมาก็ได้ขึ้นรถบัสเดินทางไป Edisto ละ นอนยาวๆกันไป พอใกล้ถึงก็เนี่ย เริ่มดูสัญญาณมือถือก่อนเลย ตามคาด ไม่มี!! ยิ่งที่บ้านยิ่งอับสัญญาณ no service ไปเลยทีเดียว แต่ตอนไขประตูบ้านเข้ามานั่นแหละ สำรวจกันให้ควั่กกกก คือโอ้โห ดีงามมมมมมมมมมมมม ที่เจอซวยๆมาแม่งจะเพิ่งโชคดีก็ตรงนี้ บ้านราคาล้านนึง ถามว่าคุ้มมั้ย อยู่มาถึงตอนนี้ก็คุ้มมากนะเอาจริง 555555
ค่ะ… มาสรุปกันซักเล็กน้อย คุณไชน่าแอร์นะคะ ทำพิษไว้มาก ถึงเอาจริงๆ บริการก็ไม่ได้แย่ ที่นั่งก็ไม่ได้แย่ ผู้ร่วมทริปก็ไม่ได้แย่เกินทน แต่ความดีเลย์กับกระเป๋าหาย(เกือบไม่ได้คืน) เนี่ยแหละที่จะทำให้ฉันจะไม่บินกับเธออีกล้าว
สุดท้ายนี้ เราควรจะเชื่อลางหรณ์ตัวเอง ไม่ควรลังเล เพราะมันแม่นเสมอจ้ะ… (นานๆทีจะพลาดนี่ไม่ได้โม้ววว)
จ้ะ กว่าจะมีชีวิตดีดีก็ผ่านอุปสรรคมาเยอะนะจ้ะ 5555 ชีวิตโลดโผนสุดๆ นี่เพิ่งสังเกตุว่าผู้ร่วมชะตาของเราตั้งแต่ถึงเมกาจนกลับไทยนี่คือเดมี่กับกวางดาวนะเนี่ย ชะตาไม่คลาดแคล้วกันจีจี อิ้ ❤
ใครจะไปเวิร์ค จะเจอไชน่าแอร์ (โดยบังคับหรือเลือกเอง) เราก็ขอให้คุณโชคดี ไม่ประสบอุปสรรคอุบัติภัยใดๆที่ไหน เดินทางโดยสวัสดิภาพและเอนจอยเวิร์คแอนด์แทรเวิลในปีหน้าจย้า 😄
– บีบีไงจะใครหล่ะ