เมื่อกลางปี 2016 ที่ผ่านมาเราได้ไปโครงการ Work & Travel ที่สหรัฐอเมริกามา ด้วยความที่อยากไปมากๆมาตั้งแต่ปี 1 แต่จบปีแรกดันเลือกที่จะอยู่รับน้อง พอจบปี 2 ก็เตรียมตัวไปเรียนแลกเปลี่ยน พอจบปี 3 ก็ดันฝึกงาน โอกาสสุดท้ายมันก็หลังจบปี 4 เนี่ยแหละ
เราเลือกไปกับ Higher Education ซึ่งประสบการณ์เป็นยังไงนั้น… ไว้ค่อยเล่าแยกละกัน
เอาเป็นว่าเราได้เลือกไปทำงาน Supermarket ของ Winn Dixie แต่ไหงจบลงเป็น Bi-Lo ก็ไม่รู้ แต่มันก็เครือเดียวกัน เอาเถอะ ไปประจำการอยู่ที่ Edisto Island, South Carolina อยู่เป็นเวลา 2 เดือนครึ่งกับคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยอีก 19 ชีวิตในบ้านหลังเดียวกัน
เรื่องประสบการณ์ไปเวิร์คคือไว้เขียนแยก แต่ตอนนี้ที่อยากพูดถึงคือช่วงเวลาต่างๆที่เราเคยมีกับเพื่อนร่วมบ้านเนี่ยแหละ คิดถึงชิบหายเลย
นึกถึงวีคแรกสุด โอ้โห… นั่งดริ้งกันทุกคืน! ไม่ว่าวันถัดไปจะต้องตื่นกี่โมงก็นั่งกันยันเช้าตลอด ด้วยความที่พวกเราอยู่บนเกาะ (ร้างห่างรัก เอ้ย ไม่ใช่) คือมันก็ไม่ค่อยมีไรทำอ่ะนะ เข้าเมืองก็ยาก ไม่มีรถ ห่างจากเมืองอยู่ 1 ชั่วโมงอ่ะ (เกาะก็จริงแต่มันก็ติดแผ่นดินใหญ่นะเฟรนด์) พวกเรามีเพียงจักรยาน 7 คันที่แบ่งกันใช้ปั่นไปทำงาน คนต้องเดินมันก็มี ยังดีที่มันไม่ไกลมากจากบ้าน แต่นั่นแหละ นั่งชิวกันไปจ้าาาาา

แต่เอาจริงๆมันสนุกมากๆอ่ะ คือถ้าคืนแรกนั้นเราไม่มานั่งด้วยกันพวกเราก็คงไม่สนิทกันขนาดนี้ สนิทกันเร็วมาก พี่ๆน้องๆเพื่อนๆในบ้าน ทุกคนกลมเกลียว แบบหมดโปรแกรมกลับไทยได้เพื่อนสนิทกันไปเป็นกลุ่มๆ จะด่าจะหยอกเล่นอะไรใครก็สบาย ไม่โกรธกัน รักกันๆ 5555
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงใช้ชีวิตแบบชิวๆ ตื่นไปทำงานตามกะไป วันเดย์ออฟก็หาอะไรทำ ทัวร์เกาะบ้างไรบ้าง เดินหรือปั่นจักรยานไปไม่รู้กี่กิโลต่อวัน ขาปูดกันไป (แต่ก็ได้ออกกำลังกายแบบสุดๆไปเลยอ่ะ) มันมีความสุขกับการใช้ชีวิตโง่ๆไปวันๆ สมงสมองแทบไม่ต้องใช้เลยจริงๆ 5555
เกาะที่เราอยู่ เอาจริงๆอย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่ามันไม่ค่อยมีอะไร แต่มันเป็นที่ๆมีท้องฟ้าสวยที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมาทั้งชีวิต มีทะเล(มหาสมุทร)ที่เหมือนบางแสน แต่ก็ยังมีความแตกต่างเพราะท้องฟ้าเนี่ยแหละ สวยไปตาย สวยมากๆสีฟ้ามากเว่อร์หยั่งกะเอาไปปรับใน Lightroom และทะเลก็อยู่ห่างจากบ้านเราเพียงแค่หนึ่งซอย หลังซอยบ้านเราก็เป็นเวิ้งทะเลสาบวิ่งออกไปสู่มหาสมุทร โอ้โห งดงามธรรมชาติตามท้องเรื่อง

แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนผู้ชายที่บ้านสองคน (ที่แก่ที่สุดในบ้านอีกเช่นกัน) ได้ทำการค้นหาฟิตเนสค่ะ! เฮียแกคงจะเป็นพวกออกกำลังกายจัดอ่ะแหละ ดูจากหุ่นกันแล้วน่ะนะ เฮียทั้งสองก็ไปตามหาฟิตเนสจนเจอที่รีสอร์ทห่างจากบ้านออกไปประมาน 2.5 กิโล ถามว่าไปยังไงก็ ปั่นจักรยาน สิคะ !! จริงๆรีสอร์ทนี้มีน้องๆที่เดย์ออฟเป็นพวกแรกได้ไปเจอเข้าก่อน แต่เพราะพวกเฮียทำให้มารู้ตอนหลังว่ามีฟิตเนสที่คนนอกสามารถไปซื้อบัตรรายอาทิตย์เข้าใช้ได้ด้วย
รีสอร์ทนี้คือเหมือนสถานที่สิงประจำแหล่งที่ 3 นอกจากบ้านกับที่ทำงานของเรา เพราะเราได้เข้าร่วมแก๊งชาวฟิตเนสที่แชร์ค่าบัตรไปเล่นฟิตเนสกัน มีด้วยกันทั้งหมด 7 คน เราอาจเป็นหนึ่งในคนที่จริงๆแล้วใช้คุ้มสุดก็เป็นได้ ที่เราชอบมากๆคือวิวตรงหลังห้องฟิตเนสที่อยู่ชั้นสอง ตรงนั้นมันเป็นเวิ้งทะเลสาบย่อมๆของรีสอร์ทพอดี คือดีงามมมมมมมมมม เราชอบถ่ายรูปช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกที่นี่มาก
แล้วไม่ใกล้ไม่ไกล ตรงข้ามรีสอร์ทนี้ก็จะเป็นท่าเรือเรียงรายจ้ะ คือจริงๆมันมีบ้านเพียบ แต่ก็มีส่วนที่เป็นธุรกิจร้านค้าร้านเช่าเรือบริการล่องเรืออะไรพวกนั้นอยู่เยอะ ทำให้เราได้เดินไปส่องพระอาทิตย์ตกสวยๆอยู่บ่อยๆ (ช่วงอาทิตย์แรกๆได้ไปฟิตเนสตอนช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกพอดี)
นี่คือช่วงชีวิตอาทิตย์แรกๆที่รู้สึกแฮ็ปปี้มากๆ แบบโคตรๆ ใช้ชีวิตอิ่มเอมมากๆกับการเจออะไรใหม่ๆ แล้วก็รู้สึกโชคดีมากๆด้วยที่เพื่อนร่วมบ้านดีมากกกกกกกก เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เกาะที่ตอนแรกว่าเฮ้ย บ้านนอกขนาดนี้แล้วจะรอดกันหรอวะ ก็กลับกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปสะงั้น เป็นเกาะที่เหมาะกับมนุษย์สายธรรมชาติอย่างเราที่สุด บ้านก็อุปกรณ์ครบครันจนไม่รู้จะครบยังไงแล้ว ทุกอย่างพร้อม มันเหมือนฝันไป กลับมาตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าแค่ฝันไปจริงๆ แต่อยากกลับไปใช้ชีวิตเพ้อๆฝันๆแบบนั้นอีกจัง แงๆ คิดถึง 😥
สำหรับโพสแรกแค่นี้ก่อนแล้วกัน ไว้จะมาเล่าต่อ เพราะเรายังคงคิดถึงซัมเมอร์ที่เหมือนฝันไปของเราอยู่ทุกๆวันไม่ลืมเลือน
– บีบีไงจะใครหล่ะ